6 step วิธีนำเข้าสินค้าจากจีน ไม่ยากอย่างที่คิด
ในยุคที่การค้าออนไลน์และการแข่งขันในแพลตฟอร์มอย่าง TikTok Shop หรือ Shopee กำลังดุเดือด การหาสินค้าที่ "ใช่" ในต้นทุนที่ "ต่ำ" คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ และ "ประเทศจีน" ก็คือแหล่งผลิตสินค้าหรือ "โรงงานของโลก" ที่ตอบโจทย์นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่หลายคน ภาพของการติดต่อโรงงานจีน, การขนส่ง, และพิธีการศุลกากร อาจดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและน่าปวดหัว ข่าวดีคือ ในปัจจุบัน กระบวนการ นำเข้าสินค้าจากประเทศจีน ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่หลายคนกังวลอีกต่อไป บทความนี้จะสรุป 6 ขั้นตอนสำคัญที่จะเปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Step 1: ค้นหาสินค้าและสำรวจตลาด (Product Sourcing)
ขั้นตอนนี้คือการตอบคำถามว่า "จะขายอะไร?" สิ่งสำคัญคืออย่าเพิ่งเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณชอบ แต่ให้เริ่มต้นจากสิ่งที่ "ตลาดต้องการ"
• สำรวจเทรนด์: ใช้เวลาบนแพลตฟอร์มที่คุณจะขาย (เช่น TikTok, Shopee, IG) เพื่อดูว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นกระแส สินค้าประเภทไหนที่มียอดสั่งซื้อสูง หรือมีคนทำคลิปรีวิวบ่อยๆ
• เจาะกลุ่มเฉพาะ (Niche Market): แทนที่จะขายสินค้าแมสที่การแข่งขันสูง ลองมองหากลุ่มเฉพาะ เช่น อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงพันธุ์เล็ก, ของใช้ในครัวสำหรับคนทำขนม, หรืออุปกรณ์จัดระเบียบบ้านสไตล์มินิมอล
• วิเคราะห์คู่แข่ง: เมื่อได้สินค้าที่สนใจแล้ว ให้ลองค้นหาดูว่ามีคู่แข่งกี่รายที่ขายสินค้าเดียวกัน พวกเขาตั้งราคาเท่าไหร่ และคุณมีจุดขายอะไรที่จะสู้ได้
Step 2: เลือกแหล่งซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ (Supplier Sourcing)
เมื่อรู้แล้วว่าจะขายอะไร ขั้นต่อไปคือการค้นหาโรงงานหรือซัพพลายเออร์ แพลตฟอร์มหลักๆ ของจีนที่คนไทยนิยมใช้ มีดังนี้
• https://www.google.com/search?q=Alibaba.com: เหมาะสำหรับการสั่งผลิตจำนวนมาก (B2B) ติดต่อกับโรงงานโดยตรง มีระบบ Trade Assurance เพื่อความปลอดภัยในการชำระเงิน
• 1688.com: เป็น Alibaba เวอร์ชันในประเทศจีน สินค้ามักมีราคาถูกกว่า แต่เน้นการสื่อสารด้วยภาษาจีนและต้องใช้บริการชิปปิ้ง (Shipping) ในการนำเข้าเท่านั้น
• Taobao / Tmall: เหมาะสำหรับการสั่งซื้อปลีก หรือสั่งจำนวนไม่มากเพื่อมาทดลองตลาดก่อน สินค้ามีความหลากหลายและตามกระแสแฟชั่น
ข้อควรระวัง: ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าเสมอ เช่น ดูเรตติ้ง, จำนวนปีที่เปิดร้าน, และรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ
Step 3: ติดต่อ เจรจา และสั่งซื้อสินค้าตัวอย่าง
อย่าเพิ่งสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่ทันที! สิ่งที่ต้องทำคือการติดต่อซัพพลายเออร์เพื่อพูดคุยรายละเอียด และที่สำคัญที่สุดคือ "การสั่งซื้อสินค้าตัวอย่าง" (Sample)
• การเจรจา: สอบถามข้อมูลสำคัญ เช่น ราคาต่อชิ้น, จำนวนการสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQ), วัสดุที่ใช้, และระยะเวลาในการผลิต (Lead Time)
• ความสำคัญของสินค้าตัวอย่าง: การได้เห็นและสัมผัสสินค้าจริง จะช่วยให้คุณประเมินคุณภาพได้ว่าตรงปกหรือไม่ ป้องกันความผิดพลาดและความเสียหายที่จะเกิดจากการสั่งล็อตใหญ่
Step 4: เลือก "ชิปปิ้ง" (Shipping Forwarder) ตัวแทนนำเข้า
นี่คือขั้นตอนที่ "สำคัญที่สุด" สำหรับมือใหม่ ชิปปิ้ง หรือ บริษัทตัวแทนนำเข้า คือผู้ที่จะมาจัดการเรื่องยุ่งยากทั้งหมดแทนคุณ พวกเขาจะทำหน้าที่ตั้งแต่การรับสินค้าของคุณจากโรงงานในจีน, ขนส่ง, และเคลียร์เอกสารทั้งหมดจนมาถึงหน้าบ้านคุณ
• ประเภทการขนส่ง:
o ทางรถ (Truck): ได้รับความนิยมสูงสำหรับสินค้าทั่วไป ใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน ราคาปานกลาง
o ทางเรือ (Sea): เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก หรือสินค้าล็อตใหญ่มาก ใช้เวลานานที่สุด (15-30 วัน) แต่ค่าขนส่งถูกที่สุด
o ทางอากาศ (Air): เหมาะสำหรับสินค้าตัวอย่าง หรือสินค้าที่ต้องการความเร่งด่วน ราคาแพงที่สุด
Step 5: บทบาทของชิปปิ้งกับการจัดการภาษีและศุลกากร
กระบวนการที่ซับซ้อนและน่ากังวลที่สุดสำหรับผู้นำเข้ามือใหม่คือ "พิธีการศุลกากร" และ "การเสียภาษี" แต่เมื่อคุณใช้บริการชิปปิ้ง ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป
บริษัทชิปปิ้งที่เชี่ยวชาญด้านการ นำเข้าสินค้าจากประเทศจีน จะให้บริการแบบ "เหมาจ่าย" (All-Inclusive) หรือที่เรียกว่า "เคลียร์ของ" พวกเขาจะจัดการเรื่องเอกสาร, การสำแดงสินค้า, การชำระภาษีนำเข้า, และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ทั้งหมดให้คุณ โดยคิดค่าบริการรวมมาในค่าขนส่งต่อกิโลกรัมหรือต่อคิว (ลูกบาศก์เมตร) แล้ว หน้าที่ของคุณจึงเหลือเพียงแค่รอรับสินค้าที่บ้านเท่านั้น
Step 6: การตรวจสอบและรับสินค้าในไทย
เมื่อสินค้าเดินทางมาถึงโกดังในไทยและพร้อมจัดส่งถึงมือคุณ นี่คือขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องตรวจสอบ
• ตรวจสอบจำนวน: เช็คจำนวนลังหรือหีบห่อว่าตรงตามที่คุณสั่งหรือไม่
• ตรวจสอบสภาพ: ตรวจสอบความเสียหายภายนอกที่อาจเกิดจากการขนส่ง
• ตรวจสอบคุณภาพสินค้า: เปิดสุ่มเช็คสินค้าภายในทันที หากพบว่าสินค้าเสียหาย, ผิดสเปค, หรือไม่ตรงตามที่ตกลงไว้ ให้รีบถ่ายรูปและติดต่อชิปปิ้งหรือซัพพลายเออร์ในจีนทันทีเพื่อแจ้งปัญหา
- Comments
 - Facebook Comments
 
        
	                        
	                        
	                        
	                        
	                        
	                        
	                        
	                        
.png)
